Tuesday, November 30, 2010

พบเพื่อพราก จากเพื่อเจอ

30 พฤศจิกายน 2553


วันนี้เป็นวันที่ The Lyon Gang จาก CAMT จะเดินทางกลับประเทศไทยค่ะ ความจริงอาจารย์และนักศึกษาจาก CAMT ที่ได้ทุน ELink ให้มาแลกเปลี่ยนที่ฝรั่งเศส 10 เดือน ก็เริ่มทยอยกลับกันตั้งแต่เดือน ก.ค. กันแล้วค่ะ แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกๆ ครั้งที่ผ่านมาเพราะว่าเป็นกลุ่มสุดท้ายที่เดินทางกลับ และกลับกันเยอะที่สุด (อ.บุ๋ม พี่ปรีดิ์ น้องบุ้ง น้องนัท น้องฝ้าย) และที่สำคัญที่สุด แก๊งค์นี้เป็นแก๊งค์ที่คอยช่วยเหลือสาลินี ตั้งแต่วินาทีแรกที่เหยียบ Lyon ถ้าจะให้ถูกน่าจะบอกว่าช่วยเหลือตั้งแต่ก่อนที่จะมาถึงเลยด้วยซ้ำ


ตั้งแต่วินาทีแรกที่มาที่นี่ ฉันยังไม่เคยเหงาแบบจริงๆ จังๆ เลย เพราะตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่มีน้องๆ พี่ๆ อยู่ด้วยกันเสมอ พวกเราคุยกันอยู่เสมอว่าการที่เรามาเจอกันที่นี่ คงเป็นเพราะพวกเราเคยทำบุญทำกรรมร่วมกันมาก่อน เราถึงโคจรมาเจอกันไกลได้ขนาดนี้ บทพิสูจน์ว่าบังเอิญ โลกกลม พรหมลิขิต มันมีจริงค่ะ หลังจากที่พวกเราถกกันหลายครั้ง เราก็ได้บทสรุป(กันเอง) ว่าในอดีตที่พวกเราไม่สามารถคาดเดาได้ พวกเราน่าจะทำกรรมดีต่อกันมากกว่ากรรมชั่ว เพราะพวกเรารู้สึกดีๆ และได้ช่วยเหลือกันตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ค่ะ :)))


ฉันไม่เคยคิดว่าระยะเวลา 6 เดือนจะทำให้ฉันรู้สึกผูกพันกับแก๊งค์นี้ได้มากขนาดนี้ อาจจะเหมือนกับที่หมาจิ้งจอกบอกกับเจ้าชายน้อยล่ะมั๊ง ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้สร้างความสัมพันธ์ขึ้นแล้ว เราต้องรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์นั้น ความจริงฉันก็รู้ว่ายังไงๆ เราก็ต้องกลับไปเจอกันที่ไทยอยู่ดี แต่ช่วงเวลาที่ร่ำลากัน ฉันก็อดเศร้าใจไม่ได้จริงๆ น้ำตาจะไหลให้ได้ T^T


โชคดีที่น้องบุ้ง น้องนัท ทิ้งสมบัติเมือง Lyon ไว้ให้ที่ห้องซะมากมาย ประหนึ่งมีระเบิดมาลงที่ห้องยังไงอย่างนั้น พอกลับมาที่ห้องฉันเลยยังไม่มีเวลามานั่งเหงา เพราะต้องจัดข้าวจัดของ กว่าจะเสร็จใช้เวลาไปกว่า 5 ชั่วโมง (-______________-")


ข่าวร้ายสำหรับการร่ำลาของพวกเราก็คือ Flight ของแก๊งค์นี้ดีเลย์ เพราะหิมะตกหนัก ทุกคนต้องบินกลับไทยวันพรุ่งนี้แทน คืนนี้แต่ละคนก็ต้องนอนโรงแรมกันไปก่อน ยังไงก็ตามจากกันครั้งนี้ เดี๋ยวเราก็ต้องได้เจอกันอยู่ดี คิดได้ดังนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะเศร้าไปทำไม (แต่คงเหงาชัวร์ ๆ ) ชีวิตเราก็เป็นแบบนี้เสมอนี่นา เราเจอกัน เราจากกัน แต่เดี๋ยวเราก็มาเจอกันอีก แต่ไม่รู้ทำไม สาลินีก็ยังไม่ชินกับจังหวะที่กำลังจะจากกันทุกที แว้บนึงอดคิดไม่ได้ว่า ฉันคงทำบุญมาดีเลยได้เจอแต่คนดีๆ ในชีวิตเต็มไปหมด :)



Monday, November 8, 2010

Proud of you :)

วันนี้ตกหลุมรักเพลงนี้ "Proud of You"

http://www.youtube.com/watch?v=-h1a10qWUos

Love in your eyes
Sitting silent by my side
Going on Holding hand
Walking through the nights
Hold me up Hold me tight
Lift me up to touch the sky
Teaching me to love with heart
Helping me open my mind

I can fly
I'm proud that I can fly
To give the best of mine
Till the end of the time
Believe me I can fly
I'm proud that I can fly
To give the best of mine
The heaven in the sky

Stars in the sky
Wishing once upon a time
Give me love Make me smile
Till the end of life
Hold me up Hold me tight
Lift me up to touch the sky
Teaching me to love with heart
Helping me open my mind

I can fly
I'm proud that I can fly
To give the best of mine
Till the end of the time
Believe me I can fly
I'm proud that I can fly
To give the best of mine
The heaven in the sky

Can't you believe that you light up my way
No matter how that ease my path
I'll never lose my faith
See me fly
I'm proud to fly up high
Show you the best of mine
Till the end of the time

Believe me I can fly
I'm singing in the sky
Show you the best of mine
The heaven in the sky
Nothing can stop me
Spread my wings so wide


ฟังเพลงนี้แล้วคิดถึงป๊า ม๊า เจ๊เฟี๊ยต เจ๊เฟิร์น น้องฟอร์ด ~ตามประสาคนโสด เราก็คิดถึงแต่ครอบครัวเราเนาะ~


^__________________________________________^


แต่คิดไปคิดมา ยังมีคนที่เราฟังเพลงนี้แล้วนึกถึงอีกตั้งแยะ เพื่อนทั้งหลายทั้งปวง รุ่นพี่ รุ่นน้อง ผู้ใหญ่ที่เคารพ ลูกศิษย์ ฯลฯ
นี่ฉันมีคนให้คิดถึงมากมายขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ดีจัง :))

Sunday, November 7, 2010

เยอรมัน กว่าฉันจะไปถึง (-__________-")

ฉันมีแผนจะเดินทางไปเยอรมันค่ะ เรื่องมันมีอยู่ว่าพี่ชายที่แสนดี 2 คน จะเดินทางมาดูงานที่เยอรมันในช่วงวันที่ 23 - 31 ต.ค. เค้าเคยเกริ่นให้รู้ล่วงหน้ามาประมาณชาติครึ่งแล้วค่ะ เค้าชวนให้ไปหาเพราะว่าเยอรมันกับฝรั่งเศสก็ไม่ไกลกันมาก (ณ เวลานั้น ฉันก็คิดว่ามันคงไม่ไกลกันมากจริงๆ) เค้าจะไปดูงานกันที่เมือง Magdeburg ค่ะ (เป็นเมืองที่อยู่ใกล้กับเมือง Berlin) พอเช็คเวลา ราคา ตั๋วรถไฟแล้ว พบว่าใช้เวลาเดินทางประมาณ 14 ชั่วโมง โดยรถไฟ ค่าใช้จ่ายไปกลับ ประมาณ 390 ยูโร (โอเค สาลินียอมแพ้) ก็บอกพี่เค้าว่าไม่อยากไปวันธรรมดา เพราะมันไม่ดีเหมือนเราไม่ได้เข้า Lab แต่ถ้าไปแค่เสาร์ อาทิตย์ มันก็ไม่คุ้มเพราะอยู่แป๊บเดียว บลา บลา บลา

แต่ชะตาชีวิตก็พลิกผัน วันศุกร์ที่ 22 พี่ชายทั้งสองบอกว่ามารอบนี้ Advisor ของฉันที่มช. ฝากให้พี่ๆ เค้ามาติดตามความคืบหน้างานวิจัยของฉันว่าถึงไหนประการใด ดังนั้นฉันควรจะไปหาพี่เค้าและเอางานวิจัยไปคุยด้วย นี่ต้องไปแล้วใช่มั๊ย  (ฉันเรียน ป.เอก ภายใต้ความร่วมมือที่เรียกกันว่า Cotoutelle Program นั่นคือ เรียนเอก 2 ที่ คือ ที่มช. และ Lyon ฉันจึงมีทั้ง Advisor และ co-advisor จากทั้งสองมหาวิทยาลัย รู้สึกว่าเป็นงานวิจัยที่อุ่นหนาฝาคั่งมากๆ ค่ะ) รอบนี้สาลินีเลยแจ้งให้ Advisor (Prof.Bouras) และ co-advisor (Dr.Aicha) ทราบ และขออนุญาตว่าจะไปเยอรมัน เพื่อไปพบพี่ๆ ทั้งสอง (ซึ่งหนึ่งในนั้นก็เป็น co-advisor ของฉันเอง) ได้หรือไม่ Prof.Bouras และ Dr.Aicha ใจดีมากค่ะ ไฟเขียวให้ไปได้ แถมยังนัดประชุมเพื่อเตรียมความคืบหน้าของงานวิจัยไปคุยให้พี่ๆ ฟัง (บร๊ะเจ้า!! นี่ฉันเอางานมาสุมให้ตัวเอง) ภารกิจต่อไป คือ จะไปเมื่อไหร่ และไปอย่างไร

ฉันเริ่มวางแผน A ตั้งใจจะออกเดินทางวันพฤหัสที่ 28 ต.ค. และจะถึง Magdeburg ในตอนค่ำๆ คุยงานกันและดูงานในวันศุกร์ วันเสาร์ อาทิตย์ ก็อยู่กับพี่ๆ เค้าจนกว่าเค้าจะกลับไทย ฉันเริ่มแจ้งกำหนดการให้อาจารย์ที่ Lyon และพี่ชายทั้งสองได้ทราบ พอวันจันทร์อาจารย์ที่ Lyon ก็บอกให้ฉันติดต่อ จนท. ที่จะช่วยจัดการเรื่องตั๋วให้ วันอังคารที่ 26 จนท. ติดต่อกลับมาว่าเดินทางวันพฤหัส อาจจะไม่ได้ รถไฟอาจจะไม่วิ่ง เพราะวันที่ 28 ที่ฝรั่งเศสจะมีการ "ประท้วงแห่งชาติ" (Nationale Greve) ประเด็นเรื่องการขยายอายุในการเกษียณงาน ซึ่งต่อเนื่องมาจากอาทิตย์ที่แล้ว (และเป็นประท้วงที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายปี) คราวนี้ ฉอหอ ค่ะ ฉันต้องรีบเปลี่ยนเป็นแผน B คือ ออกเดินทางเช้าวันพุธแทน

น้องบุ้งแสนจะน่ารัก ช่วยหาข้อมูลทั้งตั๋วรถไฟ ตั๋วเครื่องบิน และช่องทางในการเดินทางไปให้ แผน B ของฉันเลยกลายเป็น
Lyon-Geneva โดย รถไฟ ถึง Geneva ตอนเที่ยงๆ
Geveva-Berlin โดยเครื่องบิน (easy jet) ถึงเบอร์ลิน 17.30
Berlin-Magdeburg โดยรถไฟ ถึง Magdeburg 20.00

โอเค ปัญหาต่อไปคือ ต้องแจ้งให้ Prof.Bouras ทราบว่าเราจะจองตั๋วเอง ซึ่งกว่าจะได้เจอเค้า ก็ต้องวันพุธตอนเช้า บอกเสร็จปุ๊บจองตั๋วปั๊บ และก็พุ่งไปสถานีรถไฟ เพื่อเดินทางไป Geneva รถไฟจะออกตอน 10.42 เราซื้อตั๋วก่อนหน้านั้นประมาณ 20 นาที (หวุดหวิดมาก) พอซื้อเสร็จก็พุ่งตัวไปหาว่าต้องขึ้นที่ Platform ไหน หาไม่เจอ (-________-") แล้วเค้าก็บอกว่า อ่อ เที่ยวนี้มัน Cancel เฮ้ยยยย แล้วปล่อยให้ฉันซื้อตั๋วทำไมฟระ!! งั้นขอคืนตั๋วละกัน เอิ่มมมม.. คืนไม่ได้ ต้องทำใจ โห เนี่ยเหตุผลฟังขึ้นมากกกก

ความวินาศสันตะโรก็เริ่มขึ้นในบัดดล ฉันจะไปเจนีวายังไงได้ล่ะเนี่ย บุ้งบอกว่าต้องขับรถไปแล้วล่ะ เพราะตั๋วเครื่องบินก็ซื้อไปแล้ว 206 ยูโร ฉันไม่ทิ้งเด็ดขาด โทรไปยืมรถคนรู้จักเค้าก็ไม่สะดวก ซึ่งเราก็รู้ว่าแหง๋ๆ อยู่แล้ว บอกเค้าว่าขอยืมรถตอนนี้จะขับไปเจนีวา ก็คงได้อยู่หรอกนะ

ถึงตอนนี้ต้องใช้เงินแก้ปัญหากันแล้วค่ะ บุ้งโทรบอกน้ทให้เอาใบขับขี่กับพาสปอร์ตของบุ้งมาให้หน่อย ลงท้ายด้วยการเช่ารถ และขับไปกันสามคน นัทเป็นบุคคลที่เซอร์ไพรส์ที่สุด นึกว่าตัวเองแค่เอาเอกสารมาให้ พอมาถึงก็ได้ยินฉันกับบุ้งบอกว่า "ป่ะ นัทขับรถไปเจนีวากัน" ตกกระไดพลอยโจรไปแล้ว นัทก็ได้รับประสบการณ์การขับรถยุโรปครั้งแรกแบบ Rush Hour ตอนแรกๆ ก็ขับกันแบบชิลๆ เพราะเราเช่า GPS มาด้วย ชมวิวข้างทาง สวยงาม ละลานตา (ทำตัวเหมือนลูกคุณหนูมาเรียนนอก ใช้เงินกันเป็นน้ำ)  ความวินาศระลอกสองก็เกิดขึ้น ตอนที่ GPS บอกให้เราไปถนนเส้น A40 ซึ่งตอนนี้มันปิดซ่อม!! บร๊ะเจ้า ข้อมูลพวกนี้มันไม่ได้ถูกยิงขึ้นดาวเทียมใช่มั๊ย บรรยากาศในรถเริ่มมาคุ อีกครั้ง คราวนี้ก็งมหาทางกันไปเรื่อยๆ โอยยย เครียดดดด ไปก็จะไม่ทันอยู่แล้ว ตอนหลังเครียดกันจนเลิกเครียด และกลับมาเครียดอีกแบบนี้เป็นชั่วโมงๆ ได้แต่ภาวนาให้เครื่องมันดีเลย์

มาถึงสนามบินที่เจนีวาตอน 15.40 (เครื่องออก 15.55) ในตั๋วบอกว่าเกทปิดตอน 15.25 ไม่รู้ว่าทันรึเปล่า แต่จอดรถปุ๊บก็วิ่งกันปั๊บ โอยยย ลุ้นโคตรๆ ปรากฎว่าเกทยังไม่ปิด ดูแล้วดูอีกว่ามัน Last call รึยัง มันก็ยังไม่ขึ้นอันใด โอยยยย โล่งอก นี่มาทันแบบเฉียดฉิวมากๆ ขึ้นเครื่องไปได้ (แถมไม่ดีเลย์) ก็สลบเหมือดในบัดดล

มาถึงเบอร์ลิน จะนั่งรถไฟไป Magdeburg กว่าจะหาทางไปสถานีรถไฟ กว่าจะซื้อตั๋วโน่นนี่ สาลินียิ่งเป็นคนโง่เรื่องทางเป็นอันดับหนึ่งในทุกๆ ที่ ก็เล่นใช้เวลามากกว่าคนธรรมดาประมาณสามเท่า แต่ก็พาตัวเองไปถึง Magdeburg ได้อย่างปลอดภัย ในเวลา 22.00 น.

วันนั้นวันเดียว ฉันนึกว่ามันมี 48 ชั่วโมง (-_____________-")

กว่าจะไปถึง หัวใจจะวายตาย งานนี้ต้องขอบคุณน้องบุ้ง น้องนัท ที่ร่วมหัวจมท้ายด้วยกัน แถมยังพาฉันไปถึงเยอรมันได้อย่างปลอดภัย ^_________________________^

ในที่สุดก็มาถึงค่ะ :)