Thursday, August 23, 2012

Meaningful of Life Part I

ก่อนปิดวาก๊องซ์ไม่กี่อาทิตย์ เพื่อนสนิทคนนึงบ่นว่าหนังสือตัวเองหาย เป็นหนังสือที่เค้าชอบมากด้วย และด้วยความที่คิดเอาเองว่าอยู่ที่นี่อาจจะช่วยดูจากร้านหนังสือแถวนี้ให้ เลยรับปากว่าถ้าเจอจะส่งไปให้ละกัน หนังสือเล่มนั้นชื่อ Tuesday with Morrie เขียนโดย Mitch Albom

หลังจากตามหาหนังสือเล่มที่ว่าซะหลายรอบ ก็ยังไม่เจอซักที จนผลสุดท้ายเลยถามพนักงานที่ร้านหนังสือใกล้ๆ บ้านว่ามีเล่มนี้มั๊ย เค้าบอกว่าที่ร้านหมดมีเล่มอื่นที่เป็นของนักเขียนคนเดียวกันได้มั๊ย ว่าแล้วเค้าก็หยิบมาให้ดู หนังสือเล่มที่เค้าเอามาให้ดูนั้นชื่อว่า Have a little faith

เรารับหนังสือเล่มนั้นมาดู เปิดดูแว๊บๆ ก็พบว่าคนเขียนคนนี้เป็นเจ้าของผลงานหนังสือที่เราอ่านทีไรก็ต้องน้ำตาไหล น้ำตาซึมทุกที ซึ่งหนังสือเล่มที่ว่านั้นชื่อว่า Five people you met in heaven

เราตัดสินใจซื้อหนังสือเล่มที่มีอยู่ในร้าน (Have a little faith) มาลองอ่านดู ในขณะเดียวกันก็ถามพนักงานว่าอีกเล่มที่เราอยากได้จะมาเมื่อไหร่ พนักงานบอกว่าถ้าจะซื้อเค้าสามารถสั่งให้ได้ เราเลยจัดการสั่ง Tuesdays with Morrie ไปอีกเล่มนึง หลังจากที่บอกข่าวกับเพื่อนสนิท เค้าบอกว่าให้เราอ่านก่อนแล้วค่อยส่งไปให้ หรือไม่ก็รอเรากลับไทยแล้วค่อยเอาให้เค้าก็ได้ ... วันนั้นเรารีบกลับบ้านจะไปอ่านหนังสือเล่มใหม่ที่เสียเงินไปหมาดๆ

Have a little faith เป็นหนังสือที่จัดอยู่ในพวก Can't put it down สำหรับเรา อ่านแล้วต้องอ่านให้จบทีเดียว สรุปว่าตลอดบ่ายจนถึงเที่ยงคืนวันนั้น ข้าพเจ้าอ่านหนังสืออยู่อย่างเดียวเลย (-____-") เล่มนี้ไม่ได้เป็นหนังสือเกี่ยวกับศรัทธาหรือศาสนาจ๋าเว่อร์ สำหรับเรามันคือหนังสือที่พูดถึงแนวทางในการใช้ชีวิตนะ 

โดยทั่วไปแล้วเรามักจะใช้ชีวิตตามอะไรซักอย่างที่เราเชื่อที่เราศรัทธา จะเป็นศาสนา บุคคล เงิน แนวคิดหรือหลักการอะไรก็แล้วแต่ เรามักจะดำเนินชีวิตตามแนวทางนั้น ส่วนความมุ่งมั่นจะมีมากมีน้อยก็ขึ้นอยู่กับว่าเราศรัทธาหรือเชื่อตามสิ่งเหล่านั้นมากน้อยแค่ไหนนั่นแหล่ะ เราเชื่อว่าแต่ละคนก็มีสิ่งที่ตัวเองเชื่อ ตัวเองศรัทธามากกว่า 1 สิ่ง นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้บนโลกนี้ไม่มีใครที่ดำเนินชีวิตในแบบอย่างเดียวกันร้อยเปอร์เซ็นต์สินะ และแน่นอนมันก็คงไม่ได้สุดขั้วถึงขั้นทุกคนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงด้วยเหมือนกัน ในแง่มุมของศาสนาจะเห็นชัดเจนที่สุดว่าทุกๆ ศาสนามีความเชื่อที่แตกต่างกัน แต่คำสอนโดยส่วนใหญ่แล้วเราว่ามีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ การเรียนรู้และทำความเข้าใจในตัวเอง และดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างดีไม่เบียดเบียนใคร (ในรายละเอียดปลีกย่อยเราไม่สามารถบอกได้เพราะเราไม่ได้เชี่ยวชาญในทุกศาสนาซะขนาดนั้น) เราจึงเชื่ออีกว่าสังคมที่มีความแตกต่างสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขหากคนในสังคมเข้าใจ ยอมรับ และเคารพในความแตกต่างนั้นๆ (ยกเว้นสังคมที่เชื่อในอำนาจของเงิน และวัตถุ ที่เรารู้สึกว่าการเชื่อแต่สองสิ่งนี้ไม่สามารถทำให้เกิดความสงบสุขได้แน่ๆ)

หนังสือเล่มนี้พูดถึงความเชื่อเกี่ยวกับ ความสุข ความร่ำรวย ความรัก ครอบครัว การให้อภัย ความดี-ความเลว และความอื่นๆ อีกทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นสิ่งธรรมดารอบตัวเรา โดยที่ Mitch Albom  ได้เรียนรู้มุมมองในสิ่งต่างๆ เหล่านี้จาก Albert Lewis และ Henry (ส่วนใครเป็นใคร อย่างไรนั้น ข้าพเจ้าไม่ขอสปอยล์) เราคิดว่าหนังสือเล่มนี้สอนให้รู้จักการใช้ชีวิตอย่างสบายใจ :]  คือไม่ได้สอนให้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนะ เพราะเดี๋ยวต้องมานั่งนิยามกันอีกว่าความสุขคืออะไร อีกอย่าง เมื่อเราตั้งเป้าหมายว่าจะต้องใช้ชีวิตให้มีความสุขเมื่อไหร่ ความทุกข์มันจะมาเยือนชีวิตเราแน่ๆ จากการใช้ชีวิตมาครึ่งชีวิตในชาตินี้โดยประมาณ ข้าพเจ้าค้นพบว่าการใช้ชีวิตให้มีความสุขตลอดไปนี่เป็นไปไม่ได้เลย แต่ถ้าจะให้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจไม่ว่าจะสุขหรือจะทุกข์มาเยือน เออ ไอ้นี่ยังพอมีความเป็นไปได้หน่อย ...

เราควรหยุดสปอยล์หนังสือแต่เพียงเท่านี้ หากใครสนใจลองไปหาอ่านกันดูจ้ะ :)

หนึ่งใน Quote ที่เราชอบจากหนังสือเล่มนี้ :)
ป.ล. เมื่อกี๊ค้นๆ ดูในเวป พบว่า Have a little faith ถูกแปลเป็นภาษาไทยด้วยเหมือนกัน ชื่อเรื่องว่า "มองสิ่งเล็ก เพื่อพบสิ่งใหญ่" ของสำนักพิมพ์อัมรินทร์ (หาดูหน้าตาได้จาก www.naiin.com นะจ๊ะ) อัญเชิญผู้สนใจไปลองหามาอ่านกันได้จ้ะ

ป.ล (อีกรอบ) หนังสืออีกเล่ม คือ Tuesdays with Morrie เราก็รอหนังสือที่สั่งจากร้านไม่ไหว สุดท้ายเราก็ฉลอง iPad ด้วยการซื้อเป็น e-book มาอ่านซะเลย (- - ") ไว้จะมาเล่าให้ฟังอีกที